เราจะไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาสินค้าและบริการ โดยมุ่งเน้นส่งมอบโซลูชั่นเพื่อการอยู่อาศัยและสร้างชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” มอบให้แก่ลูกค้าของเราต่อไป

ปี 2565 เป็นปีแห่งการดำเนินงานสร้างการเติบโตด้วยการผสานความแข็งแกร่งระหว่างสองธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจเฮลท์แคร์ ไปจนถึงการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ตามเทรนด์โลกอนาคต ในรูปแบบของการลงทุนและการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจผ่านการนำ Outside-in Innovation มาปรับใช้ในองค์กร โดยมุ่งเน้นการลงทุนในเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ที่สามารถสนับสนุนธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ (PropTech) และธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ (HealthTech) ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืน (SustainabilityTech) ภายใต้ความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

ในรอบปีที่ผ่านมา พฤกษาส่งมอบที่อยู่อาศัยแก่ลูกบ้านกว่า 8,000 ยูนิต เราไม่เพียงแค่ต้องการให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ หากแต่ในด้านผลประกอบการนั้น บริษัทฯ คงมุ่งเน้นการสร้างผลกําไรเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น โดยรายได้สำหรับปี 2565 เท่ากับ 28,640 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า แม้บริษัทฯ จะเผชิญกับปัญหาการจัดหาวัสดุก่อสร้างและแรงงานที่ขาดแคลนต่อเนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่บริษัทฯ ได้เร่งแก้ปัญหาให้แล้วเสร็จในช่วงกลางปี อีกทั้งได้บริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทฯ รายงานผลกำไรเท่ากับ 2,772 ล้านบาท เติบโตสูงกว่าร้อยละ 17.8 จากปี 2564 ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดที่มีความผันผวนจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องและอัตราเงินเฟ้อในระดับสูง

การสร้างซินเนอร์จี้ระหว่าง 2 ธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ในด้านความพร้อมของการนำเสนอโครงการที่อยู่อาศัยในปี 2565 นั้น บริษัทฯ มีที่ดินในมือที่จะพัฒนาเป็นโครงการมูลค่ารวมกว่า 60,000 ล้านบาท และโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาอีกกว่า 69,932 ล้านบาท รวมโครงการสร้างเสร็จรอขายซึ่งลูกค้าสามารถย้ายเข้าอยู่ได้ทันทีกว่า 16,043 ล้านบาท ทว่าเราไม่หยุดการเติบโตเพียงเท่านั้น กลุ่มพฤกษา โฮลดิ้งยังคงมองหาโอกาสในการซื้อที่ดินเพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้นสำหรับการเติบโตในอีก 4-5 ปีข้างหน้าด้วยเช่นกัน

ไม่เพียงแค่บ้าน หากแต่พฤกษามีความมุ่งมั่นส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ลูกบ้าน จากความสำเร็จในการเปิดให้บริการ “วิมุต เวลเนส เซ็นเตอร์” (ViMUT Wellness Center) แห่งแรกในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาที่ พฤกษา อเวนิว บางนา-วงแหวน ด้วยความเชื่อในเรื่อง “อยู่ดี มีสุข” (Live Well, Stay Well) จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการมีชีวิตที่ดีทั้งในวันนี้และอนาคต เราจึงมุ่งพัฒนาชุมชนของบ้านพฤกษาให้เป็นชุมชนสุขภาพดี (Wellness Living Community) อย่างครบวงจร และเป็นแห่งแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่พัฒนาที่อยู่อาศัยตั้งแต่การออกแบบบ้านให้เป็นบ้านเพื่อสุขภาพ (Healthy Home) สำหรับทุกวัย ไปจนถึงให้บริการดูแลสุขภาพผ่านทางออนไลน์ (Telemedicine) ร่วมกับโรงพยาบาลวิมุต จนถึงการเปิดให้บริการด้านการดูแลสุขภาพและพักฟื้นที่ศูนย์สุขภาพชุมชน นำเสนอบริการใหม่ ViMUT Life Link ซึ่งเป็นโซลูชันอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินและได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงที รวมถึงการดำเนินการจัดตั้งโครงการศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุ เพื่อตอบโจทย์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในด้านการป้องกัน ฟื้นฟูสุขภาพ และการให้การดูแลผู้สูงอายุเพื่อทำให้ทั้งสิ่งแวดล้อมและสังคมเติบโตอย่างยั่งยืน

การนำเสนอผ่านแบรนด์ ปรับกระบวนการทำงานและโครงสร้างองค์กร เพื่อขยายขีดความสามารถอย่างไม่จำกัด

บริษัทฯ มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าเพื่อให้โครงการที่อยู่อาศัยมีความแตกต่างและเหมาะกับผู้อยู่อาศัยทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์หรือฟังก์ชั่นการใช้งานผ่านการออกแบบในลักษณะ Universal Design เราไม่เคยหยุดนิ่งในการสร้างการเติบโตและการสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้นำหลักทางวิศวกรรม (Value Engineering) เข้ามาช่วยในการพัฒนากระบวนการผลิตทั้ง Hollow Core, New Design Ground Beam, Concrete Joints และเทคโนโลยี “CarbonCure” เพื่อลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้คาร์บอนได้กว่า 1,000 ตันต่อปี รวมถึงการริเริ่มเทคโนโลยี Blockchain, E-Procurement และ Streamline ทำให้ลดกำลังแรงงานลงได้กว่า 10,400 ชั่วโมงทำงาน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างองค์กรจัดตั้ง “บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด” โอนย้ายโรงงานพฤกษาพรีคาสท์ ซึ่งเป็นโรงงานพรีคาสท์สีเขียว “Zero Waste” และเป็นแห่งแรกของไทยที่สามารถผลิตคาร์บอนต่ำได้ เดิมทีอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท และได้โอนกิจการมาอยู่ภายใต้กลุ่มพฤกษาโฮลดิ้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการบริหารงานของทั้งกลุ่ม รองรับการขยายกิจการ รวมถึงเพิ่มช่องทางการจำหน่ายพรีคาสท์และเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคต

กลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องโดยการนำนวัตกรรมมาพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

ด้วยฐานะทางการเงินอันแข็งแกร่งที่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเท่ากับ 12,316 ล้านบาท บริษัทฯ ได้นำเงินไปลงทุนและจ่ายคืนเพื่อลดภาระหนี้สิน ทําให้หนี้สินเฉพาะที่มีดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ (Net Gearing) ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการเพิ่มความแข็งแรงด้านการเงินเพื่อตอบสนองต่อความผันผวนในอนาคต

ด้านกลยุทธ์การลงทุน บริษัทฯ เริ่มขยายการวางแผนการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงเพื่อการเติบโตในธุรกิจหลัก รวมถึงกลยุทธ์การลงทุนภายใต้ Corporate Venture Capital (CVC) เพื่อต่อยอดพันธกิจด้านนวัตกรรมด้วยการนำ Outside-in Innovation มาปรับใช้ ผ่านการลงทุนร่วมในสตาร์ทอัพด้านพร็อพเทค เฮลท์เทค และการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่มีศักยภาพสูงทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ "Naluri" ผู้ให้บริการสุขภาพแบบดิจิทัล ที่มุ่งต่อยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีการดูแลสุขภาพ “Amili” บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพด้านจุลชีพในลำไส้ที่มีความแม่นยำมากที่สุดแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “Pathology Asia Holdings” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำให้บริการด้านการวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังลงทุนในกองทุน RealTech Ventures Fund ซึ่งเป็นกองทุนพัฒนาด้านเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่มีพอร์ตการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ระดับโลกที่ส่งผลกระทบเชิงบวกโดยรวมต่อสิ่งแวดล้อม

การยกระดับไลฟ์สไตล์ของผู้คนด้วยแผนการขยายธุรกิจด้านโซเชียลคอมเมิร์ซ

ธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซ เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่เติบโตและตอบรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยตรง พฤกษาโฮลดิ้งได้ก่อตั้ง “บริษัท ซินเนอร์จี โกรท จำกัด” ซึ่งลงทุนใน “Pundai” แพลตฟอร์มและเครื่องมือ Affiliate Marketing Network ช่วยขายออนไลน์พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบในที่เดียว และช่วยตอบโจทย์การขายผ่านทุกช่องทางออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการผ่านการแนะนำสินค้าและบริการโดยบุคคลที่เป็นที่รู้จักและเชื่อถือได้ นอกจากจะสอดรับกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบันแล้วยังช่วยสร้างอาชีพ พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลได้อีกทาง และเพื่อให้การส่งเสริมไลฟ์สไตล์และคุณภาพชีวิตของผู้คนได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ พฤกษาโฮลดิ้งได้ร่วมมือกับ CapitaLand Investment Group ผู้จัดการการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลกจากสิงคโปร์ และ Ally Logistic Property ผู้ให้บริการโซลูชั่นคลังสินค้าอัจฉริยะแบบครบวงจรที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์จากไต้หวัน ร่วมกันจัดตั้งกองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund” มูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท ดำเนินการด้านโลจิสติกส์อัตโนมัติแบบครบวงจรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้บริการแบบ end-to-end แก่ลูกค้า นอกจากจะเป็นการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการนำศักยภาพด้านอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ มาต่อยอดสร้างรายได้ประจำให้กับทั้งกลุ่มอีกด้วย

การยึดมั่นในปณิธานการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม

ในปีนี้ได้นำร่องโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ “Accelerate Impact with PRUKSA” เป็นปีแรก เพื่อเฟ้นหาและสนับสนุนบริษัทในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่ต้องการความช่วยเหลือในการขยายกิจการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อให้บริษัทที่เข้าโครงการได้บรรลุเป้าหมายสร้างผลกระทบเชิงบวกในการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมตามเป้าหมายขององค์กรได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ “บริษัท ปัน นิวเอนเนอจี จำกัด” ร่วมกับบริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) เพื่อต่อยอดและสร้างจุดแข็งใหม่สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยของพฤกษา โดยมีเป้าหมายในการจำหน่ายและติดตั้ง Solar Roof พลังงานสะอาดให้แก่ทุกชุมชนของพฤกษา รวมถึงการนำ “CarbonCure” เข้ามาใช้เป็นรายแรกในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อผลิตแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำ ส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีไปพร้อมกับการมีสิ่งแวดล้อมสะอาดถึงคนรุ่นต่อ ๆ ไป บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจตามกรอบแนวคิดการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อย่างต่อเนื่อง ทำให้พฤกษา โฮลดิ้ง ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน THSI ปี 2565 ต่อเนื่อง 7 ปีซ้อน และยังได้รับรางวัล 3G Excellence in Sustainable Development Award 2022 และ 3G CSR Leadership Award 2022 จากเวทีระดับนานาชาติ ถือป็นการตอกย้ำถึงความเข็มแข็งด้านธรรมาภิบาลของบริษัทฯ อีกด้วย

ปีแห่งการสร้างรากฐานเพื่อส่งมอบโซลูชั่นสำหรับการอยู่อาศัยและสร้างชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข”

คณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.31 บาทเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2565 สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2565 และจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.65 บาทเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2565 รวมเป็นเงินปันผลเท่ากับ 0.96 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูงถึงร้อยละ 7.4 และถือเป็นผลตอบแทนที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน

แม้ในปี 2565 ที่ผ่านมา เราจะยังคงอยู่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยตรง อย่างไรก็ตาม เรายังคงมีความเชื่อมั่นว่า บริษัทฯ จะสามารถขับเคลื่อนทั้งธุรกิจอสังหาฯ และธุรกิจเฮลท์แคร์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่จะเริ่มเห็นผลตอบแทนที่ชัดเจนขึ้น และเราจะไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาสินค้าและบริการ โดยมุ่งเน้นส่งมอบโซลูชั่นเพื่อการอยู่อาศัยและสร้างชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” มอบให้แก่ลูกค้าของเราต่อไป

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล
ประธานกรรมการบริษัท
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม