สารจากประธานกรรมการและ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม

ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2567 เติบโตร้อยละ 2.7 ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า โดยเงินเฟ้อและการจ้างงานของสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวลง รวมถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และการกีดกันทางการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวได้เพียงเล็กน้อย ในขณะที่จีน อินเดีย และญี่ปุ่นไม่เติบโตไปตามเป้าหมายรวมถึงตลาดน้ำมันเข้าสู่ภาวะอุปทานส่วนเกิน ด้านเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองและโครงการภาครัฐที่ไม่มีความต่อเนื่อง ปัญหาหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง สภาพอากาศที่แปรปรวน จากทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม รวมถึงแรงกดดันจากการแข่งขันจากภายนอกประเทศ แม้ว่ารัฐบาลได้ผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นผ่านการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่มีมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ แต่ก็ไม่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เท่าที่ควร
ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยโดยรวมยังคงไม่ฟื้นตัวด้วยแรงกดดันด้านกำลังซื้อโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลางถึงล่างที่ชะลอการตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากภาวะที่ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมไปถึงการปรับตัวสูงขึ้นของราคาที่ดินทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ แม้ว่ากลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลางถึงบนจะฟื้นตัวมากขึ้นและได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของต่างชาติทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุนแต่ยังไม่สามารถพยุงตลาดไว้ได้มากนัก ส่งผลให้มูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหดตัวร้อยละ 9 แม้ว่าอุปทานในปี 2567 จะลดลงแต่ยังคงมีที่อยู่อาศัยเหลือขายสะสมสูงขึ้นและน่าจะยังคงสูงต่อไปจากปัจจัยที่กล่าวมา
ในส่วนของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ได้รับแรงสนับสนุนจากเทรนด์การดูแลสุขภาพ และการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบในปี 2567 หรือการที่ประชากรอายุมากกว่า 60 ปี มีสัดส่วน 1 ใน 5 ของประชากรทั้งประเทศ นอกจากนี้ยังได้อานิสงส์จากมูลค่าตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่เติบโตขึ้นร้อยละ 14ซึ่งขยายตัวตามทิศทางเทรนด์สุขภาพของโลก ความเชื่อมั่นในคุณภาพการรักษาและค่ารักษาพยาบาลที่ไม่สูงนักของไทยเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคนี้ รวมถึงประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI มากกว่า 60 แห่ง อย่างไรก็ตามโรงพยาบาลเอกชนมีแนวโน้มเติบโตในอัตราชะลอตัวลง โดยในปี 2567 เติบโตมากกว่าร้อยละ 5 ทั้งจากปัญหากำลังซื้อในประเทศ การฟื้นตัวของคนไข้ต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่เผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากการช่วงชิงการเป็นผู้นำด้าน Medical Hub และคนไข้ตะวันออกกลางที่มีจำนวนลดลงจากปัญหาสงครามที่ยังคงยืดเยื้อและรัฐบาลระงับการส่ง คนไข้มายังประเทศไทย ขณะที่ต้นทุนการดำเนินงานมีแนวโน้มสูงขึ้นจากอัตราดอกเบี้ย ค่าไฟฟ้า รวมถึงต้นทุนการดำเนินงานต่าง ๆ
ปรับโครงสร้างองค์กร เพิ่มความคล่องตัว เสริมความแข็งแกร่งระหว่างกลุ่มธุรกิจ
เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ตลาดที่ผันผวนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน กลุ่มพฤกษาได้ปรับกลยุทธ์เพื่อมุ่งสร้าง การเติบโตใน 2 ธุรกิจหลักทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเฮลท์แคร์ ผ่านการผลักดันเพื่อให้แต่ละธุรกิจในเครือเกื้อหนุน ซึ่งกันและกัน แม้ในปีที่ผ่านมา ตลาดโดยรวมจะหดตัวลง แต่บริษัทฯ เชื่อว่าในทุกความท้าทายย่อมมีโอกาสเสมอ ดังนั้นการคัดเลือกทำเลที่น่าสนใจและมีความต้องการของลูกค้า พร้อมไปกับการพัฒนาคุณภาพของที่อยู่อาศัยในโครงการพฤกษาและการบริการของธุรกิจโรงพยาบาล ยกระดับคุณค่าของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีคาสท์และก่อสร้าง การขายและการตลาด รวมถึงการบริการหลังการขายให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อ ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้กลุ่มบริษัทเติบโตต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายต่าง ๆ
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
พัฒนาคุณภาพที่อยู่อาศัยและการเปิดโครงการใหม่รวม 18,200 ล้านบาท ชูความเป็น Wellness Residence ด้วยความร่วมมือจากบริษัทในกลุ่ม ทั้งเครือโรงพยาบาลวิมุตเพื่อส่งเสริมการบริการด้านสุขภาพให้เข้าถึงลูกบ้านทุกหมู่บ้านของพฤกษา และการให้บริการด้านออนไลน์ของกลุ่มซินเนอร์จี โกรท นอกจากนี้ยังเพิ่มสัดส่วนโครงการในระดับพรีเมียมอีกร้อยละ 50 เพื่อเพิ่มสัดส่วนของโครงการระดับราคากลางถึงสูงให้ตอบรับกับสถานการณ์ตลาด บริษัทฯ คาดว่าจะปรับลดสัดส่วนโครงการที่อยู่อาศัยจากเดิมในกลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทลงเหลือร้อยละ 34ในปี 2567 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ พฤติกรรมของลูกค้า และการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน
ธุรกิจเฮลท์แคร์
มุ่งสู่การสร้างรายได้ของทั้งกลุ่มให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 112 ล้านบาทภายหลังการดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลได้เพียง 3 ปีครึ่งเท่านั้น ด้วยปัจจัยสนับสนุนทั้งการให้บริการด้านสุขภาพแบบครบวงจร การขยายขีดความสามารถสู่มาตรฐานการแพทย์ระดับสากล การเพิ่มจำนวนเตียง เป็น 178 เตียง และการตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทั้งศัลยกรรม หัวใจ เบาหวาน ทางเดินอาหาร และกายภาพบำบัด การขยายธุรกิจผ่านการขยายโรงพยาบาลเฉพาะทาง อีกทั้งในปีที่ผ่านมาโรงพยาบาลวิมุติตผ่ารับรองมาตรฐาน JCI ซึ่งเป็นมาตรฐาน ระดับสากลที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคนไข้ต่างชาติในการเข้ารับบริการมากขึ้น การประชาสัมพันธ์กลุ่มโรงพยาบาลให้ เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมการทำรีแบรนด์โรงพยาบาลวิมุตเทพธารินทร์ให้มีความทันสมัย การแบ่งปันความเชี่ยวชาญและ ทรัพยากรร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลในเครือ รวมถึงความร่วมมือด้านเฮลท์แคร์ผู้สูงอายุ ตัวแทนประกัน และตัวแทนคนไข้ ต่างประเทศ พร้อมการบ่มเพาะแพทย์ที่มีคุณภาพเพื่อทำงานกับกลุ่มโรงพยาบาลในระยะยาว และความร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งในและต่างประเทศ
ต่อยอดกลุ่มธุรกิจที่สนับสนุนธุรกิจหลัก
ธุรกิจพรีคาสท์และก่อสร้าง
เป็นช่วงเวลากว่าหนึ่งปีที่บริษัทฯ ได้แยกทั้ง 2 หน่วยธุรกิจออกจากธุรกิจอสังหาฯ และมุ่งสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งทั้งในอุตสาหกรรมพรีคาสท์และก่อสร้าง สำหรับธุรกิจพรีคาสท์ บริษัทฯ เพิ่มโอกาสในการจำหน่ายแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำ การขายและติดตั้งผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้ารายอื่น ๆ นอกเหนือจากพฤกษา เรียลเอสเตทในส่วนของธุรกิจก่อสร้าง ได้ผลักดันการสร้างบ้านด้วยระบบZero Waste Construction พัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพของผู้รับเหมา ยกระดับมาตรฐาน Green Procurement Supply Chain เพื่อสร้างการเติบโตในตลาดที่มีมูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนกว่าครึ่งล้านบาท
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
พัฒนาคุณค่าและส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล ให้เป็นไปตามพฤติกรรมความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการอย่างสูงสุดด้วยการนำเสนอสินค้และบริการที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัยผ่านแพลตฟอร์ม Clickzy รองรับลูกค้าบุคคลและขยายสู่ลูกค้าองค์กรหรือประเภทธุรกิจ การพัฒนาแอปพลิเคชัน MyHaus เพื่อเป็นศูนย์กลางที่ดูแลทั้งความสะดวกสบายและความปลอดภัยภายในบ้าน การให้บริการตกแต่ง ออกแบบ และจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าผ่าน Wizlah และแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ ทั้งด้านการประหยัดพลังงานและ ด้านสุขภาพ นอกเหนือจากการสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจหลักแล้วนั้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซยังต้องสร้างกำไรให้แก่กลุ่มด้วย
รักษาเสถียรภาพการเงินให้มั่นคง เพิ่มความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน จ่ายเงินปันผลในอัตราร้อยละ 100
ด้วยสภาวะตลาดตราสารหนี้ที่นักลงทุนมีความกังวลจากการเลื่อนและการผิดนัดชำระตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้นตลอดปี 2566-2567 ส่งผลให้ยอดขายหุ้นกู้ภาคเอกชนในปี 2567 ลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม กลุ่มพฤกษายังคงดำรงฐานะทางการเงินอย่างแข็งแกร่ง ด้วยวงเงินสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เท่ากับ 23,280 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้กว่าร้อยละ 50 เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของตลาดโดยรวมและอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีความน่ากังวลในอนาคต กลุ่มพฤกษามุ่งเน้นการบริหารจัดการความเสี่ยงเพิ่มสภาพคล่องด้วยการจัดหาวงเงินสินเชื่อในรูปแบบต่าง ๆสร้างวินัยทางการเงินด้วยการบริหารจัดการการลงทุนโดยกลับมามุ่งเน้นการลงทุนที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่กลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทคำณึงถึงทิศทางการเจริญเติบโตของธุรกิจในอนาคตและสภาวะ เศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทฯ จะทยอยปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอสังหาฯ และเฮลท์แคร์ และมุ่งบริหารจัดการทั้งคุณภาพและจำนวนสินค้าคงคลังให้เหมาะสม ด้วยการลดสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ตามที่ได้เห็นในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ เร่งนำที่ดินในมือมาพัฒนาโครงการทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และโครงการมิกซ์ยูสร่วมกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศรวมถึงการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่ทำให้เกิดรายได้ประจำเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10 สัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำเพียง 0.31 เท่ารวมถึงกระแสเงินสดที่ยังคงมีเสถียรภาพเท่ากับ 2,452 ล้านบาท ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 อนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 รวมเท่ากับ 460 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.21 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นการจ่ายเงินปันผลในอัตราร้อยละ 100 สะท้อนถึงความมั่นใจในการตอบแทนผู้ถือหุ้น
เร่งพัฒนาคน ผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ ผนวกความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินธุรกิจ
กลุ่มพฤกษาสนับสนุนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาเชื่อมโยงกับการทำธุรกิจผ่านการทำ Lean Process เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้งผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและการปรับปรุงกระบวนการภายในตามแผนกลยุทธ์ในการวิจัยและพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมเพื่อสร้างคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดี ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้หากขาดความเข้าใจของพนักงาน ในปี 2567 บริษัทฯ เร่งพัฒนาทักษะของพนักงานโดยนำระบบ Mentoring Program มาจัดเป็นหลักสูตร The Master Class ที่ให้ผู้บริหารได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์สร้างแรงบันดาลใจและ มุมมองแก่พนักงานทั่วทั้งองค์กร และโครงการ The PLANTERs ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการสร้างพัฒนาและส่งเสริมพนักงานให้สามารถเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้และทักษะให้กับเพื่อนพนักงานคนอื่น ๆ ได้
นอกจากเป้าหมายสูงสุดในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608แล้ว กลุ่มพฤกษาพยายามผลักดันเป้าหมายด้านความยั่งยืนผ่านกลยุทธ์ของแต่ละธุรกิจเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัยด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการร่วมกันในกลุ่ม เริ่มต้นตั้งแต่การคัดเลือกคู่ค้าผ่านความโปร่งใสและขึ้นทะเบียนคู่ค้าอย่างถูกต้องออกแบบบ้านให้มีระบบการไหลเวียนอากาศที่ดี คัดเลือกวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดสภาวะโลกร้อน ออกแบบช่องภายในบ้านโดยคำนึงถึงการรับลมและแสงธรรมชาติติดตั้งพลังงานสะอาดในตัวบ้านเติมอากาศบริสุทธิ์ซึ่งสามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 และยังช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังนำเสนอบริการเพื่อสุขภาพแบบครบวงจร พร้อมระบบดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพราะกลุ่มพฤกษาหวังว่า เราจะเป็นหนึ่งในกลไกการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำได้ในอนาคตไม่เพียงแต่การพัฒนาความยั่งยืนภายในองค์กรและการส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่ดีให้แก่ลูกค้าเท่านั้น กลุ่มพฤกษายังเชื่อว่าการสนับสนุนธุรกิจที่สร้างผลกระทบเชิงบวกแก่สังคม และสิ่งแวดล้อมจะเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมในอีกทางหนึ่งเรายังคงสืบสานเจตนารมณ์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างสังคมที่อยู่ดีมีสุขผ่านโครงการ Accelerate Impactwith PRUKSA ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ได้แก่ แพลตฟอร์มที่ช่วยให้คนในชุมชนเข้าถึงร้านขายยาและเภสัชกรได้สะดวกและรวดเร็วการบริการเจาะเลือดถึงบ้านเพื่อลดปัญหาความหนาแน่นในโรงพยาบาล การช่วยเหลือธุรกิจในชุมชนร่วมกับการลดขยะเหลือทิ้งจากกระบวนการทางการเกษตร และการนำเทคโนโลยี AI มาวิเคราะห์อาการป่วยเพื่อให้ผู้ป่วยลดค่ารักษาและเข้าถึงการรักษาได้อย่างทันท่วงที
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ให้จัดอยู่ในรายชื่อ ‘หุ้นยั่งยืน’ SET ESG Rating ในระดับ AA และ
ได้รับการจัดอันดับในระดับ ‘ดีเลิศ’ ของการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย (CGR) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของโครงการและยังเป็นเครื่องหมายการันตีถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มพฤกษาต่อการดำเนินธุรกิจตามกรอบแนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน
สำหรับก้าวต่อไป เราหวังการเติบโตอย่างยั่งยืนของทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงพยาบาล ด้วยการกลับมาคัดสรรการซื้อ ที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจ โรงพยาบาลและการให้บริการด้านสุขภาพต่าง ๆ เพิ่มศูนย์ความเป็นเลิศในราคาการให้บริการที่แข่งขันได้ นอกจากจะตอบโจทย์การทำธุรกิจแล้วนั้น เรายังเชื่อว่ากลุ่มพฤกษาจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนในสังคมไทยต่อไป

